by Admin
Share

[𝑩𝑺𝑹𝑰 𝑺𝒉𝒐𝒘 𝒄𝒂𝒔𝒆]
งานวิจัยเชิงทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ (Systematic Review) วิเคราะห์งานวิจัยจำนวน 26 เรื่องจากฐานข้อมูลทั่วโลก
พบว่า “การฟื้นพลังครอบครัว (Family Resilience)” คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ครอบครัวสามารถปรับตัวและรับมือกับความท้าทายจากการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“การฟื้นพลังครอบครัว” (Family Resilience) คืออะไร? เป็นความสามารถของครอบครัวในการปรับตัว รับมือ และฟื้นตัว จากวิกฤตหรือความท้าทาย เช่น การเจ็บป่วยเรื้อรังของสมาชิกในบ้าน โดยยังคงความสัมพันธ์ ความหวัง และเป้าหมายร่วมกันไว้ได้
องค์ประกอบหลักของความยืดหยุ่นในครอบครัว ได้แก่
ประโยชน์ของครอบครัวที่มีการฟื้นพลังสูง
ปัจจัยสนับสนุนการฟื้นพลังในครอบครัว ได้แก่
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการปฏิบัติ
พัฒนาแนวทางโปรแกรมที่เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัว
สนับสนุนครอบครัวผ่านระบบสุขภาพชุมชนและสังคม
บูรณาการ Family Resilience เข้าสู่การดูแลระยะยาวแบบองค์รวม (Holistic Chronic Care)
ครอบครัวเข้มแข็ง พลังสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
1. ระบบความเชื่อ (Belief Systems):
• ความหวัง
• การให้ความหมายเชิงบวกต่อวิกฤต
• ความเชื่อทางจิตวิญญาณหรือศาสนา
2. รูปแบบองค์กรในครอบครัว (Organizational Patterns):
• ความยืดหยุ่นในการจัดการบทบาท
• การสนับสนุนซึ่งกันและกัน
• การเชื่อมโยงกับแหล่งสนับสนุนภายนอก
3. กระบวนการสื่อสารและการแก้ปัญหา (Communication & Problem-solving):
• การพูดคุยอย่างเปิดใจ
• การแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์
• การแสดงความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ
• ลดระดับความเครียดและภาระของผู้ดูแล (Caregiver Burden)
• เสริมสร้างการสื่อสารที่เปิดเผยและเป็นบวกในครอบครัว
• ส่งเสริมความร่วมมือในการตัดสินใจเรื่องสุขภาพ
• เพิ่มความสามารถในการปรับตัวของทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล
• การสื่อสารที่เปิดใจและสนับสนุนกันภายในครอบครัว
• การมีเครือข่ายสนับสนุนทั้งทางสังคมและระบบบริการสุขภาพ
• ค่านิยม ความเชื่อ ความหวัง และเป้าหมายร่วมกันในครอบครัว
• ความสามารถในการแก้ปัญหาและการฟื้นตัวจากวิกฤต
Cite and Read more: https://doi.org/10.1177/10664807251329606
by Admin
Share
𝑩𝑺𝑹𝑰 𝑰𝒏𝒔𝒊𝒈𝒉𝒕: วิจัยนี้มีเรื่องเล่า | EP.1 ปลุก ‘ความกล้าทางจริยธรรม’ ในใจเด็กไทย
Transforming Faculty Development: Key Outcomes and Strategies for Achieving UKPSF Accreditation Excellence
Congratulations to Intarawanich et al. (2025) for Research publication in SCOPUS